นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ได้จัดแถลงข่าว ชี้แจงกรณีข่าวการปรับลดบทบาทของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า ไม่ได้มีนโยบายที่จะลดบทบาทรัฐวิสาหกิจภายในกระทรวงพลังงานทั้ง 2 แห่งดังกล่าว โดยการกำหนดนโยบายหลักที่กระทรวงพลังงาน พร้อมจะขับเคลื่อน กฟผ. และปตท. มีรายละเอียดที่สำคัญ ๆ ดังนี้
1. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ปตท. กฟผ. มีบทบาทสำคัญยิ่ง ต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
2. รัฐบาลมีนโยบายมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 หน่วยงานยังต้องมีบทบาทและหน้าที่ร่วมกันรักษาและเสริมสร้างความ มั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง
3. โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญต่อความมั่นคง ซึ่งได้แก่ ท่อส่งก๊าซ สายส่งไฟฟ้า รวมทั้งสถานี LNG และโรงไฟฟ้า หลักที่จำเป็นในการสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าทั้งประเทศ จะยังคงอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 หน่วยงาน
4. บทบาทการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหลักของ กฟผ. และการจัดหาก๊าซธรรมชาติที่จำเป็นต่อความมั่นคงโดย ปตท. เป็น หน้าที่สำคัญที่ทั้ง กฟผ. และ ปตท. ต้องร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง
5. ในส่วนการผลิตไฟฟ้า และการจัดหาก๊าซธรรมชาติที่นอกเหนือจากที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงแล้ว เปิดให้ภาคเอกชน มีส่วนร่วมในระบบที่มีการแข่งขัน โดยให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ปตท. และ กฟผ. สามารถร่วมแข่งขันด้วยได้ ในพื้นฐานที่เท่า เทียมกัน โดยจัดให้มีการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอย่างเป็นธรรม
6. สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าหลักของ กฟผ. และการจัดหาก๊าซธรรมชาติที่จำเป็นต่อความมั่นคงโดย ปตท. ที่เหมาะสมให้ เป็นไปตามผลของการศึกษาที่จะมีการดำเนินการต่อไป
7. ส่วนย่อยโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น สถานี LNG ที่จะเป็นการลงทุนของ ปตท. กฟผ. หรือโดยภาคเอกชน จะต้องเป็น การพิจารณาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องทำการศึกษาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
8. ส่วนการบริหารจัดการภายในของ กฟผ. และ ปตท. เพื่อรองรับบทบาทหน้าที่ด้านความมั่นคงของระบบพลังงานของ ประเทศ จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไร ขอให้ท่านผู้บริหารสูงสุดของทั้ง 2 หน่วยงาน ได้ชี้แจงเพิ่มเติม ทั้งนี้หาก จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญต่ออนาคตในหน้าที่การงานของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน
ขอบคุณแหล่งข่าวที่มา : NNT สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
http://thainews.prd.go.th/website_th/news/news_detail/TNSOC6101190010028
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น