21/7/60

HSD B0 Euro V for Winter เทคโนโลยีน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ล่าสุดจาก ปตท.

น้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีนอกจากจะต้องได้มาตรฐานแล้ว ยังต้องเหมาะสมต่อการใช้งานในสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ด้วย



ปตท. ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเครื่องยนต์ประเภทต่างๆ มาโดยตลอด โดยล่าสุดได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ซึ่งต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถรองรับการใช้งานในสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้

และด้วยความร่วมมือของฝ่ายวิจัยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงทางเลือกจากสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ฝ่ายวิเคราะห์คุณภาพ และ ฝ่ายตลาดรัฐและอุตสาหกรรมจากธุรกิจน้ำมัน ปตท. ทำให้ “HSD B0 Euro V for Winter” ถูกพัฒนาขึ้นมาได้สำเร็จตามมาตรฐาน Euro V ไม่มีการผสม Bio Diesel และ มีค่า Cold Filter Plugging Point (CFPP) -15oC นับเป็นความสำเร็จ และจุดเริ่มต้นความท้าทายในการสร้างนวัตกรรมต่อไปครับ

ที่มา : https://www.facebook.com/PTTNews/posts/1782140291826471:0

16/7/60

ปตท.สผ. เชื่อมั่นด้วยประสบการณ์ 25 ปี พร้อมแล้วที่จะเข้าร่วมประมูลแหล่งปิโตรเลียมหมดอายุ

ปตท.สผ.พร้อมเข้าร่วมประมูลปิโตรเลียมหมดอายุ



ปตท.สผ.เผยความสำเร็จโครงการแห่งก๊าซบงกช สร้างความมั่นคงพลังงานให้กับประเทศด้วยฝีมือคนไทย · พร้อมเข้าร่วมการประมูลแหล่งบงกชที่จะหมดอายุ สร้างความต่อเนื่องและความมั่นคงทางพลังงาน

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยถึงความสำเร็จของโครงการบงกช ที่กำลังจะครบรอบการผลิต 24 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ว่า โครงการบงกชเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไทย และเป็นแหล่งพลังงานหลักที่มีความสำคัญของประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของไทยในการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน และช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้แก่ประเทศไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

“ปตท.สผ. มุ่งพัฒนาศักยภาพของโครงการบงกชมากว่า 24 ปี นับจากวันแรกที่เริ่มผลิตก๊าซฯ ในปี 2536 ผลงานและความสำเร็จกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมาจึงเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความสามารถและความเชี่ยวชาญได้เป็นอย่างดี เราเชื่อว่าประสบการณ์และความชำนาญในการสำรวจ พัฒนาและผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งบงกชที่ผ่านมาของเรา จะยังคงเป็นจุดต่อยอดความสามารถของคนไทยในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศไทยต่อไปในอนาคต”

ทั้งนี้ โครงการบงกชเป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติโครงการแรกที่ ปตท.สผ. ในฐานะบริษัทคนไทยเป็นผู้ดำเนินการ จึงเปรียบเสมือนสถาบันที่พัฒนาศักยภาพบุคลากรของ ปตท.สผ. ให้ได้เรียนรู้การจัดการและกระบวนการในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จนสามารถขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศดังเช่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถของคนไทยในการดำเนินงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้มีประสิทธิภาพ ทัดเทียมกับบริษัทน้ำมันนานาชาติ จึงเรียกได้ว่าแหล่งบงกชเป็นรากฐานแห่งการพัฒนาองค์กรของ ปตท.สผ. และทำให้ ปตท.สผ. ก้าวขึ้นเป็นบริษัทพลังงานระดับภูมิภาคได้ในทุกวันนี้อย่างภาคภูมิ

อีกทั้ง โครงการบงกชเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ประมาณ 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือประมาณร้อยละ 20 ของปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศ และคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ภายในประเทศ อีกทั้งที่ผ่านมาโครงการบงกชสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่า 240,000 ล้านบาท ในรูปของค่าภาคหลวงและภาษีต่างๆ รวมทั้งเงินสมทบในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการที่โครงการบงกชกำลังจะหมดอายุสัมปทานในปี 2565 - 2566 นั้น ปตท.สผ. ในฐานะผู้ดำเนินการโครงการบงกชปัจจุบัน มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประมูลเพื่อเป็นผู้ดำเนินการในโครงการบงกชต่อไป เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศอย่างต่อเนื่อง

“เราเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ ความชำนาญ และความสำเร็จในการสำรวจ พัฒนา และผลิตก๊าซธรรมชาติตลอด 30 ปีที่ผ่านมาของ ปตท.สผ. จะทำให้ ปตท.สผ. สามารถดำเนินการในการผลิตก๊าซได้อย่างต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ” นายสมพรกล่าว

ที่มา : http://www.thansettakij.com

11/7/60

PTT ส่ง "พีทีที โกลบอล แอลเอ็นจี" ลงทุนสัดส่วน 10% ในโรงงานผลิต LNG ของกลุ่มเปโตรนาส ในมาเลเซีย


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า กลุ่มปตท.อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมลงทุนในห่วงโซ่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Value Chain) กับกลุ่มเปโตรนาส ของมาเลเซีย ซึ่งเบื้องต้นจะให้บริษัท พีทีที โกลบอล แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างปตท.และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ฝ่ายละ 50% นั้น เข้าไปถือหุ้น 10% ในโรงงานผลิต LNG ของเปโตรนาส ที่เป็นการนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาแปลงสภาพเป็น LNG ซึ่งมีสถานะเป็นของเหลว (Liquefaction)

โดยปัจจุบันโรงงานผลิต LNG ดำเนินการผลิตอยู่แล้ว และในอนาคตจะขยายไปสู่การเจรจาเพื่อร่วมทุนในแหล่งผลิต LNG ต่อไป

“ที่ผ่านมาเราเจรจากับกาตาร์ เชลล์ บีพี เรารับซื้อ LNG อย่างเดียว แต่พอเปโตรนาส เราขอไปลงทุนต้นทางด้วยได้ไหม ทั้ง Upstream ทั้ง Liquefaction โรงงานผลิต LNG ด้วยความที่เรารู้จักกันนานพอสมควร แล้วเขาก็เห็นดีด้วย เพราะเมื่อราคา LNG ต่ำ ๆ เราก็เจ็บตัวกับเขา เวลาราคา LNG สูง ๆ เราก็ไม่ได้ไปไหน ตลาดเกิดความเชื่อมโยงเป็น partnership กันจริง ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค เขาก็เห็นด้วย วันนี้ก็เจรจาแล้วว่าจะเข้าไปลงทุนในโรง LNG ของเขา 10% แล้วก็กำลังดู option ที่จะเข้าไปลงทุนในต้นทางที่ผลิตก๊าซฯเข้าโรงงาน แต่อันนี้ยังไม่ได้สรุป โกลบอล แอลเอ็นจี ก็จะเข้าไปลงทุนอันนี้ เป็น Value Chain เพื่อเข้าไปลงทุนรองรับก๊าซฯที่เราจะนำเข้าจากเปโตรนาส ในการเจรจาการจัดหา LNG ต่อไปก็จะใช้ concept นี้” นายเทวินทร์ กล่าว

ปัจจุบัน ปตท.ซึ่งเป็นผู้นำเข้า LNG เพียงรายเดียวของไทย มีสัญญารับซื้อ LNG จากกาตาร์ 2 ล้านตัน/ปี ,เชลล์ และบีพี รายละ 1 ล้านตัน/ปี ขณะที่ปลายปีที่แล้วรัฐบาลได้อนุมัติร่างสัญญาซื้อขาย LNG ระยะยาว (LNG SPA) กับเปโตรนาส มีกำหนดส่งมอบในปี 60-61 ในปริมาณรวม 1 ล้านตัน/ปี และตั้งแต่ปี 62 ในปริมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี อายุสัญญาประมาณ 15 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอทำสัญญาซื้อขาย LNG กับเปโตรนาส

นายเทวินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าการทำสัญญาเพื่อรับซื้อ LNG จากเปโตรนาสน่าจะใกล้แล้วเสร็จ แต่อาจไม่พร้อมกับการลงนามสัญญาเพื่อร่วมทุนในโรงงานผลิต LNG แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่การลงทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้ ส่วนโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในแหล่งผลิตเพิ่มเติมนั้นยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้ แต่ทางมาเลเซียก็อยู่ระหว่างเชิญชวนนักลงทุนเข้าไปลงทุน

ขณะที่ปตท.กับทางเปโตรนาส ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แล้ว ประกอบกับตลาด LNG ของไทยก็กำลังเติบโต และจะมีการนำเข้า LNG มากขึ้นเรื่อย ๆ และวันนี้ก็เป็นภาวะที่ผู้ผลิตต้องการจะหาพันธมิตรเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระยะยาวว่าจะมีผู้ซื้อในตลาด ซึ่งตรงกับหลักการของปตท.ที่ต้องการจะเข้าไปเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้

สำหรับในระยะต่อไปการเจรจาเพื่อซื้อ LNG ก็จะมีการเจรจาเพื่อเข้าไปร่วมในแหล่งผลิตและโรงงานผลิต LNG ด้วย เช่นในกรณีของแหล่งโมซัมบิก ซึ่งเรื่องนี้คงต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป ส่วนในอนาคตกลุ่มปตท.จะมีการลงทุนในธุรกิจเทรดดิ้ง LNG ด้วยหรือไม่นั้นยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้

ที่มา : www.kaohoon.com

6/7/60

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แวะชิม "คาเฟ่ อเมซอน" ร้านกาแฟแบรนด์ไทยสาขาแรกในญี่ปุ่น

นายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บมจ.ปตท. หรือ PTT ซึ่งร่วมให้การต้อนรับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พร้อมคณะ ที่แวะกาแฟอเมซอน (Café Amazon) สาขาแรกในประเทศญี่ปุ่น ในหมู่บ้านคาวาอุชิ กล่าวว่า



นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่มาต้อนรับและพูดคุยกับทางตัวแทนอเมซอนในญี่ปุ่น คือ บริษัท โคโดโม เอเนอร์จี จำกัด และรับประทานอาหารในร้านประมาณ 1 ชม.

ร้านกาแฟสาขาหมู่บ้านคาวาอุชิแห่งนี้ เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2559 ตั้งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะไดอิชิ ที่ประสบปัญหากัมมันตภาพรังสีรั่วไหลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิซัดถล่ม เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2554 ประมาณ 20 กิโลเมตร บริหารงานโดยบริษัท โคโดโม เอเนอร์จี จำกัด บริษัทที่ดำเนินธุรกิจสีเขียวด้านการวัสดุก่อสร้าง ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชาวญี่ปุ่น มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โอซาก้า และได้เปิดโรงงานที่คาวาอุชิ จังหวัดฟุกุชิม่า เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น

"ขณะนี้ คาเฟ่อมเซอน มีสาขาเดียวในญี่ปุ่น ที่ตัวแทนมีเป้าหมายหมายสร้างความสุขและช่วยฟื้นฟูให้กับคนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนสาขาอื่นในญี่ปุ่นนั้นก็มีแผนขยายสาขาเพิ่มและ ในส่วนของอาหารที่จะจำหน่ายในร้าน อยู่ในระหว่างการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละ ท้องถิ่น" นายสุชาติ กล่าว

แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/762500#